หัวล้านเบื่อเห็ด ที่มาของ "วันเก้าก๋อง"
ข้อมูลจาก http://www.thainews70.com/news/news-culture-sanon/view.php?topic=208
วันเก้าก๋อง เป็นวันตามความเชื่อวันหนึ่งที่ชาวล้านนาให้ความสำคัญเป็นพิเศษ กล่าวคือ จะไม่มีการเผาศพในวันดังกล่าวเด็ดขาด เพราะเข็ดขยาดกับอาเพศที่เคยเกิดขึ้นในชุมชนมานักต่อนัก
เรื่องราวอันเป็นที่มาของวันดังกล่าว ถูกผูกเป็นนิทานเล่าขานสืบต่อกันมาและพบว่ามีการจารจารึกไว้ในคัมภีร์ใบลาน โดยให้ชื่อเรื่องว่า "หัวล้านเบื่อเห็ด" ซึ่งมีเนื้อเรื่องโดยสังเขปว่า
ครั้งหนึ่ง มีหญิงคนหนึ่ง ชื่อ "นางสัปป๊ะแจ๊ะ" มีนิสัยมักมากในกามารมณ์ นางมีสามีถึง ๗ คน สามีแต่ละคนมีรูปร่างผิวพรรณเหมือนๆ กัน และที่สำคัญมีศีรษะล้านเหมือนกันหมด วันหนึ่งสามีของนางไปหาเห็ดในป่ามาให้นางแกง นางได้แกงให้สามีรับประทานพร้อมกันทั้งเจ็ดคน ส่วนนางไม่ทันได้รับประทานร่วมด้วย หลังอาหารมื้อนั้นสามีของนางเกิดอาการเบื่อเห็ดจึงเสียชีวิตไปพร้อมกัน นางเสียใจเป็นอย่างยิ่งและยิ่งไปกว่านั้น นางรู้สึกกังวลใจเรื่องการจัดการส่งสการ เพราะนางยากจน ไม่มีเงินทองพอที่จะจ้างสัปเหร่อมาเผาศพให้ถึง ๗ คน นางจึงคิดอุบายไปจ้างสัปเหร่อคนหนึ่ง โดยบอกกับสัปเหร่อว่าสามีของนางคนหนึ่งเสียชีวิตลง ก่อนตายสามีกล่าวว่าจะขออยู่กับนางแม้นจะเอาศพไปเผาที่ไหนก็ตาม จะกลับมาอยู่กับนางตลอด จึงขอให้สัปเหร่อเผาศพให้ไหม้สนิทจริงๆ เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจจะจ่ายค่าจ้างให้อย่างงาม สัปเหร่อคนนั้นก็รับคำ พร้อมให้คำมั่นสัญญาว่าแม้นศพจะกลับคืนมาก็จะนำไปเผาอีก จะกี่ครั้งก็ตาม ตนจะเผาให้ไหม้อย่างแน่นอน
เมื่อตกลงกันเช่นนั้นแล้ว นางก็นำศพสามีคนแรกมานอนที่ห้องโถงบนเรือน สัปเหร่อจึงแบกศพไปเผาที่ป่าช้า ขณะเดียวกันนั้น นางก็เอาศพสามีคนที่สองมานอนไว้ที่เดียวกันกับศพสามีคนแรก เมื่อสัปเหร่อกลับมาจากป่าช้าเพื่อขอรับค่าจ้าง นางจึงชี้ให้สัปเหร่อดูว่าศพสามีนางกลับมาบ้าน สัปเหร่อเห็นดังนั้นก็เข้าไปดู เห็นว่าเป็นศพคนเดิมเพราะมีรูปร่างหน้าตาเหมือนเดิม ศีรษะก็ล้านตรงตามที่ตนได้รู้เห็น จึงเข้าไปแบกศพไปเผาอีก ขณะนั้นนางได้นำศพสามีคนที่สามออกมานอนแทนที่เดิม และนางก็ทำเช่นนี้จนถึงศพที่เจ็ด สัปเหร่อก็จัดการตามที่ได้สัญญาไว้ โดยเฉพาะศพที่เจ็ด เขาได้เฝ้าดูอย่างใกล้ชิด แล้วเพิ่มท่อนฟืนให้ไฟลุกโชน พร้อมเตรียมท่อนไม้ขนาดเหมาะมือเอาไว้ โดยคิดว่าหากศพลุกขึ้นจากกองเพลิงจะกลับบ้าน ก็จะทุบตีมิให้ออกไปไหน
ขณะที่สัปเหร่อปฏิบัติการอยู่นั้น บังเอิญมีชายคนหนึ่งมีอาชีพเป็นคนเผาถ่านขาย และมีลักษณะรูปร่างหน้าตาตลอดจนมีศีรษะล้านเหมือนศพทั้งเจ็ด กลับมาจากการเผาถ่านจึงมีเนื้อตัวมอมแมมเดินทางผ่านมาทางนั้นพอดี สัปเหร่อเหลือบไปเห็นเข้า ความโกรธแค้นที่คุกรุ่นอยู่ในอารมณ์ทำให้เขาถือไม้ปรี่เข้าไปทำร้ายชายผู้นั้นทันที ด้วยคิดว่าคนเผาถ่านเป็นศพที่คิดจะหนีกลับบ้าน ส่วนคนเผาถ่านเมื่อถูกทำร้ายก็ต่อสู้ป้องกันตนเอง ทั้งคู่ต่อสู้กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันเป็นพัลวันจนพลัดตกลงไปในกองเพลิงที่กำลังลุกโชน จึงถูกไฟเผาไหม้ตายทั้งคู่
ดังนั้น ในวันเดียวกันจึงมีผู้เสียชีวิตและถูกไฟเผาพร้อมกันถึง ๙ ศพ คือศพสามีของนางสัปป๊ะแจ๊ะ ๗ ศพ สัปเหร่อหนึ่งศพ และคนเผาถ่านอีกหนึ่งศพเหตุนี้จึงเรียกวันที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวว่า "วันเก้ากอง" และวันเดียวกันนี้ ตรงกับวันในระบบหนไท คือวันยี
จากนิทานหรือเรื่องเล่าข้างต้น คนโบราณจึงกำหนดเป็นข้อห้ามไว้มิให้เผาศพในวันเก้ากอง ด้วยเชื่อว่าจะทำให้คนตายติดต่อตามกันมามากมาย นอกจากนี้ท่านยังกำหนดอีกว่าแม้วันใดตรงกับวันยี ก็ให้งดเว้นการเผาถ่าน เพราะอาจมีผลให้เสียชีวิตเปล่า ๆ ตามสำนวนที่ว่า "ต๋ายบ่เข้าพริกเข้าเกลือ" คือตายโดยไม่มีเหตุผลพอเพียง เหมือนเช่นคนเผาถ่านที่ต้องมาตายฟรี ๆ โดยไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไร และข้อห้ามที่ว่านี้ ท่านกล่าวเป็นคำคล้องจองกันว่า "วันเก้าก๋องบ่ดีเผาผี วันยีบ่ดีเผาถ่าน" แล้วยึดถือปฏิบัติสืบต่อกันมา.
โดย อ.สนั่น ธรรมธิ สำนักส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
|